สาย LAN TIA/EIA หมายถึง สาย LAN ที่ถูกออกแบบและผลิตตาม มาตรฐาน TIA/EIA (Telecommunications Industry Association / Electronic Industries Alliance) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดข้อกำหนดต่าง ๆ สำหรับการติดตั้งและการใช้งานระบบเครือข่ายโทรคมนาคม รวมถึงสายเคเบิลที่ใช้ในการเชื่อมต่อระบบ LAN (Local Area Network)
มาตรฐานสาย LAN TIA/EIA (Telecommunications Industry Association / Electronic Industries Alliance)
คือชุดมาตรฐานที่กำหนดข้อกำหนดและข้อปฏิบัติต่าง ๆ สำหรับการติดตั้งและการใช้งานระบบเครือข่ายโทรคมนาคมและการเชื่อมต่อในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเกี่ยวกับการเดินสาย LAN (Local Area Network) ทั้งในด้านคุณสมบัติของสายเคเบิล การติดตั้ง และการทดสอบประสิทธิภาพของสายเคเบิล ถูกใช้เพื่อกำหนดคุณสมบัติของสาย LAN ในหลายๆ ด้าน เช่น ความเร็วในการส่งข้อมูล ความสามารถในการป้องกันการรบกวน และข้อกำหนดต่างๆ สำหรับการติดตั้งและการทดสอบสาย LAN เพื่อให้การทำงานของเครือข่ายมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูงสุด
ประเภทสาย LAN ตามมาตรฐาน TIA/EIA
มาตรฐาน TIA/EIA ใช้ในการกำหนดคุณสมบัติและการใช้งานของสายเคเบิลในระบบ Local Area Network (LAN) โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้การเชื่อมต่อในเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัย ตัวอย่างมาตรฐานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับสาย LAN ได้แก่
TIA/EIA-568: เป็นมาตรฐานหลักที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งและคุณสมบัติของสายเคเบิล LAN รวมถึงประเภทของสายเคเบิล (เช่น Cat5e, Cat6, Cat6A, Cat8) และข้อกำหนดในการทดสอบประสิทธิภาพของสาย
TIA/EIA-569: มาตรฐานที่เกี่ยวกับการออกแบบช่องทางหรือพื้นที่สำหรับเดินสาย LAN ภายในอาคาร
TIA/EIA-606: กำหนดวิธีการฉลากและการระบุสายเคเบิลในการติดตั้ง เพื่อช่วยในการจัดการและการบำรุงรักษา
ผลของมาตรฐาน TIA/EIA ต่อการใช้งานสาย LAN
- ช่วยให้การติดตั้งระบบ LAN มีความเสถียรและสามารถรองรับความเร็วสูง
- ช่วยป้องกันปัญหาสัญญาณรบกวน (crosstalk) และการสูญเสียข้อมูล
- ทำให้สามารถขยายหรืออัพเกรดระบบ LAN ในอนาคตได้ง่าย
- สนับสนุนการทดสอบและการตรวจสอบคุณภาพของสายเคเบิลอย่างแม่นยำ
การใช้สาย LAN ที่ได้มาตรฐาน TIA/EIA จะช่วยให้ระบบเครือข่ายมีคุณภาพสูง มีประสิทธิภาพ และสามารถทำงานได้ดีในระยะยาว โดยเฉพาะในการป้องกันปัญหาจากสัญญาณรบกวนและการสูญเสียข้อมูล นอกจากนี้ยังช่วยให้การติดตั้งและบำรุงรักษาเครือข่ายเป็นไปอย่างสะดวกและมีความยืดหยุ่นในการขยายหรืออัพเกรดระบบในอนาคต
มาตรฐาน ANSI/TIA-568 ของสาย LAN
เป็นมาตรฐานที่กำหนดโดยความร่วมมือระหว่าง American National Standards Institute (ANSI), Electronic Industries Association (EIA), และ Telecommunications Industry Association (TIA) เพื่อกำหนดข้อกำหนดสำหรับการวางสายเคเบิลในอาคารเชิงพาณิชย์สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการโทรคมนาคม มาตรฐานนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่เชื่อถือได้และเป็นมาตรฐานระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสายแลน (LAN) ที่ใช้สาย UTP (Unshielded Twisted Pair) และ STP (Shielded Twisted Pair) รวมถึงใยแก้วนำแสง
รายละเอียดของมาตรฐาน ANSI/TIA-568
- ประเภทของสายเคเบิล: มาตรฐานนี้แบ่งสาย UTP ออกเป็นหลายประเภทตามความสามารถในการส่งข้อมูล เช่น Category 3, 4, 5, 5e, 6, 7 โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความสามารถในการส่งข้อมูลที่แตกต่างกัน
- ความต้านทาน (Impedance): กำหนดไว้ที่ 100 Ohm ±15% เพื่อให้การส่งสัญญาณมีประสิทธิภาพสูงสุด
- ค่าสูญเสียสัญญาณ (Attenuation): คืออัตราส่วนระหว่างกำลังสัญญาณที่ส่งต่อกำลังสัญญาณที่วัดได้ที่ปลายสาย โดยมีหน่วยเป็นเดซิเบล (dB)
- NEXT (Near-End Cross Talk) และ PS-NEXT (Power-Sum NEXT): เป็นค่าของสัญญาณรบกวนที่เกิดขึ้นระหว่างสายส่งและสายรับ โดยวัดเป็นเดซิเบล
- ELFEXT (Equal-Level Far-End Cross Talk) และ PS-ELFEXT (Power-Sum ELFEXT): เป็นค่าที่คำนวณจากค่าสูญเสียของสัญญาณและค่า FEXT เพื่อประเมินสัญญาณรบกวนที่ปลายสาย
- Return Loss: คืออัตราส่วนระหว่างกำลังสัญญาณที่ส่งไปต่อกำลังสัญญาณที่สะท้อนกลับมา
- ความยาวสาย: กำหนดไว้ว่าความยาวสายสัญญาณไม่ควรเกิน 100 เมตร รวมถึงความยาวที่ผ่านอุปกรณ์ Patch Panel ด้วย
- โทโพโลยี (Topology): มาตรฐานนี้เน้นการใช้โทโพโลยีแบบดาว (Star Topology) เพื่อให้การเชื่อมต่อและการจัดการระบบโทรคมนาคมมีประสิทธิภาพ
การใช้งาน
มาตรฐาน ANSI/TIA-568 เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างระบบโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ในองค์กรและอาคารต่างๆ โดยมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในการวางสายเคเบิลสำหรับเครือข่าย LAN และอื่นๆ
การทดสอบสายเคเบิล
หลังจากติดตั้งสายเคเบิลแล้ว จะต้องมีการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าสายเคเบิลนั้นตรงตามมาตรฐานที่กำหนด โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Cable Analyzer เพื่อทดสอบคุณสมบัติต่างๆ ของสายเคเบิล เช่น การสิ้นสุดสาย, ความต่อเนื่องของสาย, การครอสโอเวอร์สาย, และคุณสมบัติอื่นๆ ตามมาตรฐาน
มาตรฐาน ANSI/TIA-568.3-E ของสาย Fiber Optic
เป็นมาตรฐานสำหรับสายไฟเบอร์ออปติกและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยเผยแพร่ในเดือนกันยายน 2022 โดย Telecommunications Industry Association (TIA) ภายใต้การรับรองจาก American National Standards Institute (ANSI)
รายละเอียดของมาตรฐาน ANSI/TIA-568.3-E
- วัตถุประสงค์: มาตรฐานนี้กำหนดข้อกำหนดสำหรับประสิทธิภาพ, การส่งสัญญาณ, และการทดสอบวัดผลสำหรับสายไฟเบอร์ออปติกในอาคาร, ตัวเชื่อมต่อ, ฮาร์ดแวร์เชื่อมต่อ, และสายแพทช์
- การเปลี่ยนแปลงสำคัญ:
- การเปลี่ยนแปลงสีของสายไฟเบอร์: สีของสาย OM1 และ OM2 ถูกลบออก.
- การปรับเปลี่ยนการสูญเสียสัญญาณ: การสูญเสียสัญญาณแบบอ้างอิงสำหรับไฟเบอร์แบบหลายโหมดเปลี่ยนเป็น 0.5 dB.
- การย้ายสีของตัวเชื่อมต่อและอะแดปเตอร์: สีของตัวเชื่อมต่อและอะแดปเตอร์สำหรับ OS1, OM1, และ OM2 ถูกย้ายไปอยู่ในภาคผนวกของข้อกำหนดที่ยังคงใช้งานอยู่.
- การเพิ่มประเภท OS1a: เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO/IEC 11801-1
- การรักษาความเป็นขั้ว (Polarity): มาตรฐานนี้กำหนดวิธีการรักษาความเป็นขั้วสำหรับระบบแบบดูเพล็กซ์ เช่น LC-to-LC โดยใช้วิธีการวางตำแหน่งเส้นใยต่อเนื่องและการวางตำแหน่งคู่กลับกัน
มาตรฐานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่าสายไฟเบอร์ออปติกและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานจริง
ANSI/TIA-568 และ TIA/EIA-568 เหมือนกันหรือไม่
มาตรฐาน ANSI/TIA-568 และ TIA/EIA-568 มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด แต่ไม่เหมือนกันในแง่ของชื่อและองค์กรที่เกี่ยวข้อง:
- ANSI/TIA-568: เป็นมาตรฐานที่เผยแพร่โดย Telecommunications Industry Association (TIA) และได้รับการรับรองจาก American National Standards Institute (ANSI) มาตรฐานนี้มุ่งเน้นไปที่การกำหนดโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเดินสายเคเบิลในอาคารเชิงพาณิชย์สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการโทรคมนาคม
- TIA/EIA-568: เป็นชื่อเก่าของมาตรฐานเดียวกันกับ ANSI/TIA-568 ในช่วงแรก มาตรฐานนี้ได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่าง TIA และ Electronic Industries Alliance (EIA) อย่างไรก็ตาม EIA ไม่มีอยู่อีกต่อไป ดังนั้นชื่อจึงถูกเปลี่ยนเป็น ANSI/TIA-568
ดังนั้น ทั้งสองมาตรฐานจึงมีเนื้อหาสาระและวัตถุประสงค์เดียวกัน แต่ชื่อและองค์กรที่เกี่ยวข้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา.
.
สนใจ ทดสอบสาย LAN หรือบริการเช่าอุปกรณ์เครื่องทดสอบเครือข่ายหรือการรับเหมาติดตั้งต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เมโทร เทคโนโลยี จำกัด หรือ คลิกที่นี่เพื่อติดต่อ